ชื่อเรื่อง การพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้าง ทักษะการอ่านการเขียนคำสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชื่อผู้วิจัย พีรพล เพื่อตนเอง
สังกัด โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านหล่าย สังกัดเทศบาลตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ
จังหวัดลำปาง
ปีการศึกษา 2566
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้างการอ่านการเขียน คำสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้างการอ่านการเขียนคำสระลดรูป และสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2) พัฒนาและหาประสิทธิภาพหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้าง การอ่านการเขียนคำสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) ทดลองใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้างการอ่านการเขียนคำสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และ 4) ประเมินผล และปรับปรุงหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้างการอ่าน การเขียนคำสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านหล่าย สังกัดเทศบาลตำบลสบปราบ จังหวัดลำปาง จำนวน 1 ห้องเรียน ที่กำลังศึกษาอยู่ ในปีการศึกษา 2566 จำนวนนักเรียนทั้งหมด 20 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน คือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้อง 2) หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด โครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเสริมสร้างการอ่านการเขียนคำสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูป สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3) แผนการจัดการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้ค่าสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า t-test Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แล้วนำเสนอแบบพรรณนาความ
ผลการวิจัยพบว่า