รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 69 คาดการณ์ว่า ธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินจะคาดขยายตัว 3.4% มีปัจจัยจาก การเติบโตของ ตลาดผู้บริโภค (บีทูซี) 3.3% และตลาดองค์กร (บีทูบี) ที่เติบโต 6.8% โดยปัจจุบัน ธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินในไทยแบ่งเป็นสองตลาดหลัก คือ ตลาดผู้บริโภค มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 98% และตลาดองค์กร ที่มีส่วนแบ่ง 2% โดยในปี 69 ตลาดอินเทอร์เน็ตผู้บริโภคคาดว่าจะเติบโต 3.3% โดยแบ่งเป็นสัดส่วน เป็น อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ 77% และอินเทอร์เน็ตประจำที่ 23% ของรายได้รวม ซึ่งในไตรมาส 1 ของปี 68 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอายุ 6 ปีขึ้นไป ประมาณ 90.9% เพิ่มขึ้น 1.6% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้แม้ว่จะอยู่ในภาวะตลาดที่ใกล้อิ่มตัว แต่การเติบโตยังได้รับแรงหนุนจากสองปัจจัยสำคัญ คือ 1. การใช้งานหลายอุปกรณ์ต่อหนึ่งผู้ใช้ โดยสะท้อนจากอัตราการเข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของไทยที่อยู่ในระดับ 174.6% ของประชากรในปี 67 แม้จะลดลงจากปีก่อน แต่ยังบ่งชี้ว่าจำนวนการสมัครใช้งานเกินกว่าจำนวนประชากรจริง ซึ่งใกล้เคียงกับสิงคโปร์ที่มีอัตราการเข้าถึงอยู่ที่ 165% ในปีเดียวกัน และ 2. การเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (อาปู้) โดยผ่านบริการเสริม เช่น สตรีมมิ่งคอนเทนต์ แพ็กเกจเกมมิ่งความเร็วสูง รวมถึงการขยายเครือข่าย 5จี ที่ครอบคลุมประชากรเกิน 95% ตั้งแต่ปี 67 ซึ่งช่วยหนุนให้ อาปู้ของอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในส่วนของอินเทอร์เน็ตประจำที่คาดว่าจะเติบโต 2.9% ในปี 69 โดยไตรมาส 1 ปี 68 ครัวเรือนไทยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้ว 92.2% เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อน แม้การเติบโตเริ่มชะลอ แต่ผู้ให้บริการยังสามารถเพิ่มรายได้ด้วยการนำเสนอแพ็กเกจเพิ่มเติม เช่น บริการวิดีโอคอนเทนต์ หรือ โซลูชันสมาร์ทโฮม เป็นต้น ขณะที่ ตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กรที่ โต 6.8% ไดัรับแรงหนุน จากการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลทำให้ธุรกิจมีการใช้งานและลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีมูลค่าการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 68 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 647.9% รวมไปถึงการที่ภาคธุรกิจหันมาประยุกต์ใช้ เอไอ มากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องรวมถึงตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กรขยายตัว
อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้จากธุรกิจดาวเทียมสื่อสารคาดว่าจะเติบโต 3.5% ในปี 69 โดยฟื้นตัวเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จากที่ ผู้ประกอบการยังคงขยายบริการไปสู่ธุรกิจที่หลากหลาย เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม และบริการประเมินคาร์บอนเครดิตในภาคเกษตรและป่าไม้ ควบคู่กับการรุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะเดียวกันตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนใหม่มาจากการที่ไทยคมได้รับสิทธิใช้งานวงโคจรใหม่จาก กสทช. ในเดือน เม.ย.68 ซึ่งเปิดโอกาสให้ขยายบริการสื่อสารและบรอดแบนด์ดาวเทียมเชิงพาณิชย์ รวมถึงความเป็นไปได้ของโครงการ ยูโซ่ 3 ของ กสทช ที่มีงบประมาณราว 5.8 พันล้านบาท โดยมุ่งให้บริการสื่อสารพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ซึ่งหากเดินหน้าได้จะสร้างรายได้ประจำจากภาครัฐต่อเนื่อง 5 ปี และช่วยเพิ่มปริมาณการใช้งานโครงข่ายดาวเทียม ซึ่งคาดว่าในระยะยาวจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น