ตร.ไซเบอร์ ชี้ 2 ยี่ห้อมือถือ เป็นผู้พัฒนาแอพพ์ปล่อยกู้เถื่อนเอง เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คอมฯ
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 14 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท. เมืองทองธานี) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.สอบสวน บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องมีการสกัดกั้นทั้งตัวคนและสกัดกั้นสัญญาณโทรศัพท์ไม่ให้กระจายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และสกัดกั้นอุปกรณ์เครื่องมือเกี่ยวกับการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นซิมบ็อกซ์ ไม่ให้นำมาใช้ในประเทศไทย และจะยกระดับความร่วมมือให้เป็นระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตามในกรณีการหลอกเยาวชนไปทำงานแก่คอลเซ็นเตอร์ก็มีการป้องกันโดยมีการสร้างความรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน
“ในส่วนกรณีแอพพลิเคชันที่มากับระบบปฏิบัติการมือถือของ 2 ค่ายดังนั้น ทางตำรวจไซเบอร์เมื่อทราบข่าวก็ได้มีการตรวจสอบ พบว่าแอพพลิเคชันดังกล่าว มากับตัวปฏิบัติการคัลเลอร์โอเอส ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่กำหนดเอง พัฒนาโดยบริษัทของมือถือดังกล่าว โดยใช้พื้นฐานจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แต่คัลเลอร์โอเอส จะมาคลุมที่แอนดรอยด์อีกชั้นหนึ่ง และปรับแต่งรูปแบบแอพพลิเคชันให้แนบเนียนไปกับโทรศัพท์ ซึ่งแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 15 ที่เป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน พบว่ามีแอพฟินอีซี่ และสินเชื่อความสุข ติดตั้งมากับโทรศัพท์ค่ายดังกล่าวด้วย โดยติดตั้งมาเองซึ่งผู้ซื้อโทรศัพท์ไม่ได้เป็นคนโหลดติดตั้งมา”
“เมื่อพบว่าเป็นลักษณะนี้ ก็ต้องมาตรวจสอบว่าจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 13 จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีปรับไม่เกิน 20,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจไซเบอร์ยังไม่ได้รับเรื่องจากผู้เสียหายในส่วนนี้ แต่หากมีผู้เสียหายก็อยากสอบถามถึงประเด็นการเข้าใช้งานต่างๆเพื่อพิจารณาว่าเกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่ และการเข้าใช้งานแอพพ์ เป็นอย่างไรเพื่อทำการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดอื่นอีกหรือไม่”
ที่มา มติชน ออนไลน์

